หมอคะ เสริมจมูกแบบไหนอยู่ได้ตลอดชีวิต เป็นคำถามที่หมอได้ยินบ่อยเป็นอันดับต้นๆเลยค่ะ วันนี้หมอเลยนำเอาคำถามนี้มาเล่าสู่กันฟังค่ะ ไหนใครที่สนใจอยากจะเสริมจมูก หรือแก้จมูกครั้งสุดท้าย ยกมือขึ้น ห้ามพลาดบทความนี้เลยค่ะ
สารบัญ
เสริมจมูก หรือ แก้จมูกมีด้วยกันทั้งหมดกี่วิธี
สำหรับในการเสริมจมูก นั้นเราแบ่ง วิธีการเสริมตามการเปิดแผลผ่าตัด หลักๆคือ 2 วิธีค่ะ คือแบบปิดหรือ Close technique กับแบบ เปิด หรือ Open technique แต่เคยได้ยิน Semi open มั้ยคะ มาจากไหนอีกน้า จริงๆ Semi open คือ การเปิดแผลในรูจมูก 2 ข้าง ถ้าตามทางการแพทย์ มันก็คือแบบ ปิดค่ะ
Close, Semi open หรือ Open ก็ยังไม่ได้บอกว่าจมูกนั้นจะอยู่ได้ตลอดชีวิต
เทคนิคที่หมอเรียกกันว่า Close, Open, Semi open เป็นเพียงชื่อการลงมีดผ่าตัดเฉยๆ ยังไม่ได้บอกเลยค่ะ ว่าเปิดแผลแล้วเข้าไปทำอะไรข้างในบ้าง ดังนั้นแล้ว เสริมจมูกแบบไหนอยู่ได้ตลอดชีวิต ไม่ได้กำหนดด้วยเทคนิคการเปิดแผลค่ะ
มันยังมีเรื่องของวัสดุที่เราใช้ในการเสริมจมูก หรือเทคนิคย่อยอื่นๆ เช่น การตอกฐาน ตะไบฮัมพ์ แต่งปลายจมูก ยืดผนังกั้นจมูก เย็บอินเตอร์โดม เป็นยังไงคะ เริ่มงงหรือยัง
เสริมจมูกในปัจจุบันคืออะไร
ถ้าเป็นสมัยก่อน ก็แค่เปิดแผลจมูก แล้วใส่ซิลิโคนเข้าไป จบค่ะ
แต่สมัยนี้กลายเป็นว่าศัพท์แสงมากมายก่ายกอง ฟังแล้วมึนตึ๊บ ลองดูตามนี้นะคะ
ลำดับในการเลือกเทคนิคเพื่อการเสริมจมูก
- เลือกการเปิดแผลผ่าตัด —--> แบบปิด(Close) แบบเปิด(Open) แบบSemi open
- เลือกวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก —--> ใช้เนื้อเยื่อตัวเอง ใช้วัสดุอื่น(ซิลิโคน Gore-tex)
- เทคนิคเสริม เพื่อแก้ไขโครงสร้างอื่นที่ วัสดุที่ใช้เสริม ทำไม่ได้ —-->
ยืดผนังกั้นจมูก
ตอกฐานจมูก
ตะไบฮัมพ์
ตัดปีกจมูก ตัดยกปีกจมูก
แต่งรูจมูก
แต่งปลายจมูก แก้ไขกระดูกอ่อนปลายจมูก
เย็บอินเตอร์โดม - เลือกวิธีการลดความเจ็บ —--> ยาชา ยานอนหลับ ดมยา
เลือกการเปิดแผลผ่าตัด —--> แบบปิด(Close) แบบเปิด(Open) แบบSemi open
หัวข้อนี้หมอได้อธิบายไปด้านบนแล้วว่า จะเปิดจะปิดเป็นเพียงแค่ชื่อการเปิดแผลผ่าตัด ถ้าปิดก็เปิดแผลในรูจมูก ถ้าเปิดก็ลงแผลผ่าตัดผ่านแกนกลางจมูก (Collumella) ซึ่งซื่อแผลผ่าตัดไม่ได้บอกถึงเทคนิคพิเศษอื่นๆเลยค่ะ บอกแค่ว่าลงแผลผ่าตัดแบบไหน ของจริงต้องไปวัดกันที่เทคนิคเสริมอื่นๆค่ะ
เลือกวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก —--> ใช้เนื้อเยื่อตัวเอง ใช้วัสดุอื่น(ซิลิโคน Gore-tex)
ก่อนจะเสริมจมูก ก็มาดูว่าเราจะเสริมด้วยอะไร เสริมด้วย ซิลิโคน หรือเสริมด้วยเนื้อเยื่อของตนเอง ดังนั้นสรุปคือ เสริมด้วยวัสดุทดแทนเนื้อเยื่อหรือเสริมด้วยเนื้อของเราเอง ถ้าเสริมด้วยเนื้อของเราเองแน่นอนแสดงว่าเราต้องเจ็บตัวอย่างน้อย 2 ที่คือ ต้นทางที่จะเอามาเสริม เช่น หู ซี่โครง เป็นต้น กับอีกที่ที่ต้องมีแผลคือจมูก
ทั้ง2 กลุ่มนี้ไม่มีอะไรดีกว่าอะไรแบบ 100% อยู่ที่สะดวกแบบไหน เลือกแบบนั้นจ้ะ
- เลือกเนื้อเยื่อตัวเอง ก็การแพ้ การอักเสบ น้อยกว่าการใช้วัสดุทดแทน เพราะเป็นของของเราเอง แต่ไม่ใช่ว่าไม่ติดเชื้อ ยังติดเชื้อได้อยู่ต้องระวัง หลังทำอยู่ดี หรือเลือกเนื้อเยื่อตัวเองเต้องจ็บตัว 2 ที่ขึ้นไป อันนี้ก็เป็นข้อเสียนึงที่บางคนก็ไม่อยากทำ มีความเสี่ยงมากกว่า เพราะ อย่างเช่นการเอาซี่โครงมาใช้ มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงระหว่างการผ่าตัดเอาซี่โครงมาใช้ได้ และซี่โครงเองก็มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไปได้ เช่น เกิด Warping หรือซี่โครงเอียงคด เป็นต้น
จะบอกว่าเสริมซี่โครงแล้วโด่งกว่า อันนี้ ก็อาจจะไม่เป็นความจริง 100% เพราะ ปัจจุบันมีวัสดุทดแทนมาใช้เพื่อการปรับโครงสร้างบ้างแล้ว
- เลือกวัสดุทดแทน ดั้งเดิมเราใช้ซิลิโคน เพราะซิลิโคนเป็นของที่ร่างกายมีปฏิกิริยาน้อย แต่ไม่ใช่ไม่มีเลยดังนั้นเสริมซิลิโคนก็จะเจอเรื่องพังพืด ที่มาหุ้มตัวซิลิโคน นานไปมีโอกาสเกิดเรื่องแคลเซียมหรือหินปูนมาเกาะซิลิโคนได้ ข้อด้อยของการเสริมด้วยวัสดุทดแทนก็คือ มีโอกาสอักเสบติดเชื้อสูงกว่าการใช้เนื้อเยื่อของตนเอง กรณีนี้ไม่ได้รวมถึงฟิลเลอร์จมูก เพราะปัจจุบันทางอย.ไม่อนุญาตให้ฉีดฟิลเลอร์เพื่อการเสริมจมูกแล้ว และการร้อยไหมจมูก ก็ไม่อยู่ในกลุ่มนี้นะคะ เพราะร้อยไหม มักจะได้แค่ชั่วคราว ไม่ได้ทำให้ได้ทรงที่ถาวร
เทคนิคเสริม เพื่อแก้ไขโครงสร้างอื่นที่ วัสดุที่ใช้เสริม ทำไม่ได้
เมื่อเราชั่งน้ำหนัก ข้อดีข้อเสียของวัสดุที่ใช้เสริมแล้ว เราก็มาดูโครงสร้างจมูกกันต่อค่ะ
โครงสร้างจมูก คือ ใต้ผิวหนังบริเวณจมูก จะมีโครงสร้างคือส่วนที่เป็นกระดูกแข็งเป็นโครงครึ่งนึง และส่วนปลายที่เป็นกระดูกอ่อน ที่เราโยกไปมาได้ ถ้าจมูกทั่วไป ไม่ได้มีปัญหาที่โครงสร้าง เช่น แค่ไม่มีดั้ง เนื้อจมูกพอมี ไม่มีส่วนที่ใหญ่จนเกินไป ปีกจมูกไม่ได้กว้าง กรณีแบบนี้ ก็ไม่ต้องมาแก้ไขโครงสร้างค่ะ เทคนิคเสริมไม่ต้องใช้ แต่เสริมก็จบแล้ว
โครงสร้างภายในจมูก ครึ่งบนเป็นกระดูกแข็ง ครึ่งล่างเป็นกระดูกอ่อนแบ่งออกเป็น 2 ข้างมีแกนกลางจมูกคั่นกลาง
แต่ถ้าโครงสร้างจมูกมีปัญหา กระดูกจมูก ส่วนแข็งๆมันใหญ่ มันกว้างออก กรณีแบบนี้เราก็ทำการตอกฐานเพื่อให้จมูกเรียวขึ้น
ถ้าสันจมูกไม่เรียบ ปูดนูนขึ้นมา วางซิลิโคนอาจจะไม่แนบ เป็นไม้กระดก ได้ก็ต้องตะไบฮัมพ์ หรือว่าตอกฮัมพ์ ถ้าส่วนที่นูนสูงมาก เป็นต้น
ถัดมาถ้าอยากให้จมูกยาวมากขึ้นหรือพุ่งมากขึ้น ก็อาจจะต้องยืดผนังกั้นจมูก ช่วยรับน้ำหนักของวัสดุที่เสริมอีกแรง
ถ้าปลายจมูกใหญ่ แต่งปลายหรือตัดปีก ก็ช่วยให้จมูกเรียวเล็กขึ้น
เทคนิคพิเศษที่เค้าพูดถึงกัน ไว้ใช้แก้ปัญหาโครงสร้างจมูก ถ้าจมูกไม่ได้มีปัญหาที่โครงสร้าง หัวข้อนี้ก็ไม่ต้องทำค่ะ การทำทำเพื่อแก้ปัญหา ไม่ใช่ทำมากเข้าไว้ เอาคุ้ม เพื่อให้จมูกสวยขึ้น เมื่อจมูกไม่ได้มีปัญหา เสริมธรรมดาก็สวยได้ อยู่ที่หมอคนที่ประเมินให้เข้าใจจมูกจริงมั้ย
เลือกวิธีการลดความเจ็บ —--> ยาชา ยานอนหลับ ดมยา
เมื่อเราดูเทคนิคพิเศษแล้ว ก็มาเลือก เทคนิคการลดความเจ็บค่ะ กรณีการแก้ไขโครงสร้างหนักๆ เช่น ยืดผนังกั้นจมูก ตอกฐานจมูกใหญ่ๆ หรือแต่งปลายจมูกใหญ่ๆ หมอจำเป็นต้องมองเห็นโครงสร้างด้านในชัดๆ เพื่อจะได้ผ่าตัดได้ หรือมีพื้นที่ในการผ่าตัด เลยต้องใช้การเปิดแผลแบบโอเพ่น กรณีนี้ส่วนใหญ่แล้วเราจะใช้การดมยาสลบ หรือให้ยานอนหลับในการผ่าตัดค่ะ
กรณีจมูกไม่มีปัญหาเสริมซิลิโคนธรรมดาไม่ได้แก้ไขโครงสร้างอย่างอื่นก็เลยทำแบบ Close หรือ Semi open ได้ กรณีนี้สามารถใช้การฉีดยาชาได้ค่ะ
จะดมยาหรือไม่ดม อยู่ที่คนไข้กลัวเจ็บตอนฉีดยาชามากแค่ไหน และต้องแก้ไขโครงสร้างมากขนาดไหน แก้เยอะต้องเข้าไปภายในลึกๆ ก็ต้องดมยาเพื่อช่วยให้ผ่าตัดได้ ถ้าเสริมธรรมดา ฉีดยาชา 3-5 นาทีไม่ต้องดมยาก็ได้ค่ะ
การดมยาไม่ได้ทำให้หลังเสริมจมูกมาแล้วจมูกไม่บวมนะคะ ผ่าตัดมาการบวมเขียวช้ำหลังการผ่าตัดเป็นเรื่องปกติ เกิดขึ้นได้ แม้จะดมยาผ่าตัดก็ตาม
เสริมจมูกแบบไหนอยู่ได้ตลอดชีวิต
เสริมจมูกแบบไหนอยู่ได้ตลอดชีวิต คือ จมูกที่ไม่มีปัญหา และคนไข้พอใจทรงจมูกแล้ว
นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะเสริมด้วยอะไร เทคนิคไหนก็มีโอกาสที่จะอยู่ได้ไปตลอดชีวิตค่ะ ถ้าจมูกไม่มีปัญหาอะไร เสริมด้วยซิลิโคนแล้วเราพอใจทรง ไม่ได้กังวลอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะซิลิโคนไม่ได้มีวันหมดอายุค่ะ ถ้านับกันตามจริงซิลิโคนอายุยืนยาวกว่ามนุษย์ค่ะ หมอเคยผ่าตัดอาจารย์ใหญ่ ก็เจอซิลิโคนในจมูกก็มีค่ะ
เสริมด้วยกระดูกซี่โครง ก็อยู่ไปตลอดได้เช่นเดียวกันค่ะ
ตัวอย่างคนไข้ที่เสริมจมูกกับหมอปีไปค่ะ อย่างน้องพลอยปัจจุบันก็เข้าปีที่ 6 แล้วค่ะ จมูกยังสวยพุ่งเหมือนเดิมค่ะ
แล้วจมูกที่ว่ามีปัญหาต้องแก้คือ ยังไงคะ
จมูกที่มีปัญหาก็คือ อักเสบ ติดเชื้อ ทะลุ กลุ่มนี้ค่ะ คือกลุ่มที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเสริมด้วยวัสดุอะไรก็เกิดได้ วิธีการหลีกเลี่ยงคือการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดดีๆ ดูแลแผลผ่าตัดดีๆและที่สำคัญอาหารที่กินก็มีผลต่อการอักเสบของจมูกได้ด้วย
หมอเคยเจอที่เสริมไปนานๆแล้วจมูกอักเสบติดเชื้อหลังจาก เสริมไปแล้ว 2-3 ปี ก็เคยเจอค่ะ ฤทธิ์ของอาหารสแลงห้ามประมาทเลยค่ะ ต้องสังเกตดีๆนะคะ เช่นกันต่อให้เสริมด้วยกระดูกซี่โครงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่อักเสบ ก็มีโอกาสอักเสบได้เช่นเดียวกัน หากใครพอจำได้ จะมีข่าวว่าดารานักรีวิวชื่อดัง เสริมจมูกด้วยซิลิโคน ก็มีปัญหาจมูกอักเสบมาแล้วเช่นเดียวกันค่ะ
สำหรับเรื่องการทะลุ หัวข้อนี้ ก็เกิดได้กับทุกวัสดุ สิ่งที่จะป้องกันจมูกทะลุได้คือ การใช้วัสดุที่เสริมจมูกคนไข้ที่ไม่ฝืนเนื้อคนไข้มากเกินไป เสริมซิลิโคนตึงไปใหญ่ไป หรือเหลาเป็นเงี่ยงแหลมก็ทะลุได้ และทะลุได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นสันจมูก ปลายจมูก เสริมจมูกสันโด่งเกินไปก็ทะลุได้ หรือทะลุในรูจมูก ก็ได้ เช่นกัน เสริมด้วยกระดูกซี่โครง ตึงฝืนเนื้อมากเกินไปก็ทะลุได้เช่นกันค่ะส่วนสำคัญ คือ เสริมจมูกให้ปลอดภัย จะทำให้ การ เสริมจมูกนั้นอยู่ได้ตลอดชีวิตค่ะ
สรุป
เสริมจมูกแบบไหนอยู่ได้ตลอดชีวิต คือ การเสริมจมูกที่ปลอดภัย และคนไข้พอใจทรงจมูกนั้น ปลอดภัยคือ ไม่อักเสบไม่ติดเชื้อ และไม่ทะลุ ส่วนพอใจทรงก็คือ ไม่เบี้ยว ไม่เอียง ทรงสวยตามที่ต้องการ ครบเงื่อนไขเหล่านี้ก็ปิดจ๊อบ เลิกสนใจการศัลยกรรมจมูกไปได้เลยค่ะ เพราะ วัสดุที่ใช้ในการเสริมนั้นไม่มีหมดอายุ ไม่ว่าจะเป็นซิลิโคน หรือซี่โครง ถ้าเสริมแล้วไม่ได้มีปัญหา ไม่ต้องไปเสียเวลาผ่าตัดเปลี่ยนใหม่ค่ะ แอบกระซิบว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการแก้จมูก คือ ไม่พอใจทรงจมูก เป็นอันดับแรกค่ะ นอกเหนือไปจากนั้นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อการเสริมจมูก คือเนื้อของคนไข้ ถ้าเนื้อเยอะ ก็จะเสริมได้เยอะ แต่เอาจริงๆเนื้อเยอะไปก็เป็นปัญหาจมูกใหญ่เกินไปอีก ดังนั้นแล้วสุดท้ายความพอดี คือคำตอบค่ะ
สนใจสอบถามเกี่ยวกับการเสริมจมูกหรือความสวยความงามทักหาหมอปีตามช่องทางด้านนี้ได้เลยค่ะ