การเสริมจมูกเป็นการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมสูงมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศไทย เมื่อมีการผ่าตัดมาก จำนวนของภาวะแทรกซ้อนก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ภาวะแทรกซ้อนหนึ่งอย่างที่เจอได้คือ ซิลิโคน จมูกทะลุ ข้างใน รูจมูกของเรา บทความนี้หมอจะอธิบายทั้งในเรื่องของสาเหตุ อาการที่ต้องสงสัยว่ามีซิลิโคนทะลุกันค่ะ
สารบัญ
มารู้จัก Anatomy ของจมูกกัน
จมูกของเราจะมีส่วนที่เป็นกระดูกแข็ง ที่เป็นฐานจมูก และส่วนที่เป็นกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นส่วนที่เคลื่อนไหวได้
ในบทความเกี่ยวกับการซิลิโคนทะลุในรูจมูก หมออยากให้ทุกคนได้รู้จัก ส่วนประกอบ บริเวณปลายจมูกกันค่ะ
ปลายจมูกของเราหรือส่วนที่เป็นกระดูกอ่อน ประกอบไปด้วย Upper Lateral cartilage และ Lower lateral cartilage ซึ่งพื้นที่ระหว่างกระดูกอ่อนทั้งสองข้างจะเป็น Septum หรือกระดูกอ่อนแกนกลางจมูก และผิวหนังด้านนอก บริเวณปลายจมูกนี้ก็จะมีส่วนประกอบเป็นปีกจมูก ปลายจมูก และ Columella เนื้อระหว่างรูจมูกทั้งสองข้าง
ซิลิโคนทะลุในรูจมูกคืออะไร
ปัจจุบันเราเจอปัญหาซิลิโคนทะลุ ในรูจมูกมากขึ้น เนื่องจาก เดิมทีการเสริมจมูกนิยมใช้ซิลิโคนรูปทรงตัว I (ไอ) ในการเสริมจมูก แต่ตอนนี้นิยมทรงจมูกที่โด่งพุ่งบริเวณปลายจมูก ทำให้ซิลิโคนรูปทรงตัว L ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงของ จมูกทะลุข้างในมากขึ้น ลองดูจากภาพประกอบตามนี้เลยค่ะ
ด้านซ้ายแสดงตำแหน่งการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนทรงตัว I และ ด้านขวา เสริมจมูกด้วยซิลิโคนทรงตัว L
เมื่อเราดูจากในภาพจะเห็นได้ว่าซิลิโคนทรงตัว I หรือวัสดุที่ใช้เสริมจมูกที่เป็นแท่งธรรมดาไม่มีขานั้นจะสิ้นสุดที่บริเวณปลายจมูกหรือสูงไปกว่านั้น จะไม่ลงมาในส่วนของ Columella หรือพื้นที่ระหว่างรูจมูกทั้งสองข้าง ทำให้ซิลิโคนทรงตัว I มีโอกาสที่จะทะลุในรูจมูกน้อยกว่าซิลิโคนทรงตัว L
จมูกทะลุด้านในเกิดจากอะไร
คนไข้เนื้อน้อยเสี่ยงทะลุมากกว่า
ปัจจัยเสี่ยงข้อแรกคือ คนไข้ที่เสริมจมูกแล้วมีเนื้อน้อย มีความยืดหยุ่นของผิวน้อย มีโอกาสที่จะทะลุได้มากกว่าคนที่มีเนื้อเยอะ ให้นึกถึงลูกโป่งเป็นจมูกของเรา ลมในลูกโป่งคือซิลิโคนหรือวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก ถ้าลูกโป่งใบใหญ่สามารถใส่ลมได้มากกว่าเพราะมีผิวมากกว่า หรือเนื้อลูกโป่งยืดหยุ่นและรับลมได้มากกว่าลูกโป่งใบอื่น แต่จะลูกโป่งจะใบใหญ่แค่ไหนถ้าใส่ลมเข้าไปมากๆก็มีโอกาสที่จะแตกได้
สำหรับการทะลุในรูจมูกมักเจอได้ในคนไข้ที่มีเนื้อบริเวณColumella เล็กๆแคบๆแล้วฝืนใส่วัสดุเสริมจมูกแบบตัว L
เกิดจากวัสดุที่เสริมไม่เหมาะกับเนื้อของคนไข้
ข้อนี้ก็คือการที่เราใส่ลมในลูกโป่งมากเกินไปนั่นเองทำให้เกิดการทะลุได้ ถ้าเราฝืนใส่ซิลิโคนที่ใหญ่เกินกว่าเนื้อของเราจะรับได้ หมอใช้คำว่าเกิดจากวัสดุที่เสริม แทนการใช้คำว่าซิลิโคน เพราะ ไม่เพียงแต่ซิลิโคนเท่านั้นที่เกิดการทะลุได้วัสดุอื่นที่เสริมจมูกถ้าฝืนเนื้อมากเกินไปก็มีโอกาสทะลุได้ทั้งสิ้นค่ะ
เกิดจากการดูแลแผลผ่าตัดไม่สะอาด หรือแผลติดเชื้อ
การดูแลแผลผ่าตัดเสริมจมูกเป็นสิ่งสำคัญ ที่อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ถ้าคนไข้ล้างแผลได้ไม่สะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนไข้อยู่ในกลุ่มเนื้อน้อย เพราะคนไข้ที่เนื้อน้อย อยากให้จมูกโด่งมาก จำเป็นต้องฝืนเนื้อหรือยืดเนื้อจมูกมาก เนื้อที่หุ้มซิลิโคนที่ถูกยืดออกมากก็บาง กรณีถ้าแผลผ่าตัดไม่สะอาด แผลไม่ติด ก็อาจทำให้เกิดการทะลุในรูจมูกได้เช่นเดียวกัน การทะลุในข้อนี้มักเกิดในช่วงหลังการผ่าตัดใหม่ๆ อย่างช่วงที่ยังไม่ได้ตัดไหม หรือตัดไหมแล้วแผลไม่สนิทดี
ตัวอย่างของแผลไม่สะอาดมีคราบเลือดเกาะกรังที่แผล กรณีนี้ถ้าทิ้งไว้มีโอกาสที่จะเกิดการอักเสบติดเชื้อได้
ตัวอย่างการทำความสะอาดแผลที่เสริมจมูกที่ทำความสะอาดได้ดี กรณีแบบนี้จะทำได้แผลที่ตัดปีกจมูกสวยและไม่เกิดรอยแผลเป็นในอนาคต
จมูกทะลุด้านในอาการเป็นอย่างไร
โดยส่วนใหญ่แล้วการทะลุในรูจมูกมักเกิดบริเวณที่เป็นแผลผ่าตัดทางเข้าของการเสริมจมูก เนื่องจากเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุด ส่วนใหญ่แล้วจะสังเกตอาการว่ามีการทะลุในรูจมูกได้ดังนี้
1.มีน้ำใสๆไหลออกจากจมูก ที่ไม่ใช่น้ำมูก หรือมีน้ำเหลืองไหลจากจมูก
อาการนี้เป็นอาการแสดงอย่างนึงของการมีแผลทะลุในรูจมูก เป็นอาการเริ่มต้นของการติดเชื้อในจมูกด้วย
วิธีแยกระหว่างน้ำใสๆที่ไหลออกมา กับน้ำมูก คือ น้ำมูกจะมีลักษณะเหนียวๆใสๆ แต่น้ำเหลืองจะไม่มีความเหนียว มักจะไหลเวลาที่ตื่นนอนตอนเช้าพอลุกจากเตียงแล้วจะมีน้ำเหลืองไหลออกมา ถ้าซับด้วยไม้พันสำลีหรือคอตตอลบัตจะเห็นเป็นสีเหลืองอ่อนๆ บางครั้งก็จะแห้งกรัง เป็นสะเก็ดที่จมูก กรณีนี้ให้สงสัยว่า อาจเกิดการทะลุในรูจมูกได้
ควรรีบติดต่อคุณหมอที่ผ่าตัดให้ เพื่อตรวจเช็คหากเป็นแค่แผลเล็กน้อยจะได้รักษาได้ทันก่อนการทะลุ
ตัวอย่าง น้ำเหลืองที่ไหลออกจากแผลที่เสริมจมูกไป เคสนี้มีการบวมที่จมูกร่วมกับมีน้ำใสๆไหลซึ่งไม่ใช่น้ำมูก กรณีแบบนี้ คือ เริ่มมีการอักเสบติดเชื้อควรรีบมาพบแพทย์ค่ะ เพราะอาจมีการทะลุของซิลิโคนเป็นรูเล็กๆจากแผลที่ไม่ปิดสนิทได้
2.มีเลือดออกจากจมูก
โดยปกติแล้วถ้าเสริมจมูกไปในวันแรกๆจะยังมีเลือดออกจากแผลของเราได้ เพราะแผลยังปิดไม่สนิทแต่ในกรณีที่มีเลือดออกที่ไม่ใช่เลือดกำเดาไหล ออกจากรูจมูก กรณีนี้อาจเกิดการทะลุของซิลิโคนได้ เพราะมีแผลเลยมีเลือดออกนั่นเอง ดังนั้นหากเสริมจมูก ไปเกินกว่า 7 วันแล้ว มีเลือดออก มาใหม่ ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติมค่ะ
ทั้งอาการที่มีน้ำใสๆไหล กับการที่มีเลือดออกจากรูจมูก หลังการเสริมจมูก ไม่ใช่อาการเฉพาะของซิลิโคนทะลุเพียงอย่างเดียว แต่กรณีที่มีการทะลุจะต้องพบอาการเหล่านี้ร่วมด้วยเสมอ ดังนั้นถ้าคนไข้มีอาการ 2 อย่างข้างต้น
แนะนำให้รีบกลับไปตรวจกับคุณหมอที่ทำการผ่าตัดนะคะ เพราะไม่ใช่อาการปกติที่ควรเพิกเฉยค่ะ
3.จมูกบวมขึ้น
ร่วมกับมีน้ำใสๆใน ข้อ 1 ร่วมด้วย บางครั้งคนไข้อาจไม่รู้สึกว่ามีน้ำใสๆไหลเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นน้ำมูกได้ กรณีที่เสริมจมูกไปแล้วจมูกยุบบวมลงดี แล้วอยู่ดีๆจมูกบวมขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่อาการปกติ
ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากการอักเสบ ที่พบได้กับอาหารแสลงที่คนไข้ทาน ทำให้เกิดการอักเสบขึ้นมาใหม่ และบางครั้งก็เกิดจากการที่มีซิลิโคนทะลุอยู่ในรูจมูก ซึ่งอาจจะเป็นแค่รูเล็กๆ แต่เป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าไปได้
ดังนั้นอยู่ดีๆจมูกที่ยุบไปแล้วกลับมาบวมใหม่ อย่านิ่งนอนใจ ให้รีบกลับไปตรวจนะคะ
4.เห็นซิลิโคนโผล่ออกมาจากในรูจมูก
กรณีนี้ก็คือชัดเจนแล้วว่าเป็นซิลิโคนทะลุในรูจมูกแน่นอน วิธีที่ดี คือ ควรรีบกลับไปพบแพทย์เพื่อรีบแก้ไข เพื่อป้องกันปัญหาแผลที่ทะลุกว้างกว่าเดิม หรืออักเสบติดเชื้อรุนแรง ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้การรักษายิ่งทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม และอาจะนำไปสู่ปัญหาการผิดรูปของตัวจมูกและรูจมูกที่ทำให้แก้ไขได้ยากค่ะ
แก้จมูกทะลุในระยะแรกที่เริ่มทะลุจะแก้ไขได้ง่ายและไม่เกิดการผิดรูป เพราะแผลที่ทะลุจะเล็ก และโอกาสติดเชื้อน้อยกว่า ดังนั้นหากพบอาการข้างต้น ควรรีบปรึกษาแพทย์นะคะ
วิธีแก้ไขปัญหาซิลิโคนทะลุข้างในรูจมูก
จากอาการด้านบนที่ตรวจพบ หากตรวจเช็คแล้วว่าเป็นซิลิโคนทะลุแน่นอนแล้ว
วิธีการรักษาสำหรับซิลิโคนทะลุในระยะแรก
คือ การถอดพักซิลิโคน ค่ะ ไม่แนะนำให้เย็บซ่อมหลังการผ่าตัดไปแล้ว เพราะโอกาสที่แผลจะติดกันนั้นมีน้อยกว่า ถึงแม้ว่าเย็บซ่อมแล้วแผลติดดี แต่ในระยะยาวจะพบว่ามีการอักเสบของจมูกเป็นระยะๆสุดท้ายก็ต้องถอดพักซิลิโคนอยู่ดี โดยทั่วไปแล้วถ้าแผลไม่ใหญ่มาก การถอดซิลิโคนพัก อย่างน้อย 3 เดือน ก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเสริมเนื้อเยื่ออื่นๆทดแทน
วิธีการรักษาในกรณีที่ซิลิโคนทะลุในรูจมูกมาเป็นเวลานานจนเกิดแผลขนาดกว้าง
แต่ถ้าคนไข้ทิ้งแผลที่ทะลุไว้นานจนมีการติดเชื้อ หรือแผลกว้าง หมออาจพิจารณาใช้เนื้อเยื่อของคนไข้มาใส่แทน หรือผ่าตัดตกแต่งแผลในรูจมูกเพื่อป้องกันการผิดรูปของจมูกและรูจมูก
ปัญหาเรื่องของซิลิโคนทะลุ จะไม่ใช่เรื่องน่ากลัวถ้าเราตรวจพบตั้งแต่ตอนแรก การถอดพักซิลิโคน 3 เดือนแล้วค่อยเสริมใหม่ เป็นวิธีที่ได้ผลดี จมูกไม่ผิดรูป การยื้อไว้ ไม่ยอมถอดพัก จะยิ่งทำให้แผลที่ทะลุกว้างขึ้นเรื่อยๆและรักษาได้ยากขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าถอดพักแล้วจะไม่ได้ทรงจมูกที่สวยเหมือนเดิมนะคะ
การถอดพัก เป็นการรักษาเนื้อเยื่อเราไว้ได้ดีที่สุดค่ะ เพราะ เมื่อใดก็ตามที่เกิดการทะลุ ซิลิโคนหรือวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกจะเป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรคอย่างดี การที่หวังว่าจะดูแลแผลที่ทะลุแล้วให้เนื้อเยื่อมาติดกันเอง เป็นไปได้ยากมากค่ะ
ตัวอย่างเคสที่เคยทะลุในรูจมูกขนาดใหญ่ ทำให้เกิดแผลหดรั้งและรูจมูกผิดรูป ภายหลังผ่าตัดแก้ไขโ้ดยคุณหมอปี ด้วยการใช้ไขมันของคนไข้เสริมจมูกแทนการเสริมด้วยซิลิโคน ทำให้รอยหดรั้งดีขึ้นกว่าเดิมมาก
กรณีจมูกบู๋มหรือทะลุบริเวณอื่นมี สามารถไปดูต่อได้ที่ บทความการแก้จมูกบุ๋ม
การเสริมจมูก เป็นการใส่ของแปลกปลอมเพิ่มเติมเข้าไปในร่างกาย เป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อ มากกว่าการผ่าตัดที่ไม่ได้ใส่ของแปลกปลอมเข้าไป
คนไข้ควรดูแลหลังการผ่าตัดอย่างดี ทั้งในเรื่องการดูแลแผล และอีกข้อคืออาหารที่ทาน อาหารแสลงของหมัก ของดอง อาหารทะเล เหล้าบุหรี่ มีผลกับแผลที่จมูกได้ ดังนั้นจึงควรที่จะงดอย่างน้อย 1 เดือนหลังการเสริมจมูกนะคะ
จะเห็นได้ว่าการเสริมจมูก ไม่ใช่ผ่าตัดแล้วจบ อย่าลืมมาตรวจตามนัดกันนะคะทุกคน เพราะทุกนัดที่หมอลงไว้ มีความสำคัญต่อผลลัพธ์ในการเสริมจมูกทั้งสิ้นนะคะ
สรุป
การเสริมจมูก แล้วเกิดปัญหา จมูกทะลุ ข้างใน มักเกิดในการเสริมจมูกด้วยวัสดูรูปตัว L เพราะขาของวัสดุจะเป็นตัวกดเบียด ทำให้เกิดการทะลุได้ ถ้าแผลผ่าตัดติดเชื้อ หรือคนไข้เป็นคนเนื้อบริเวณ Columella น้อย ยิ่งมีความเสี่ยงสูง
วิธีสังเกต คือ หลังการเสริมจมูกไปแล้วช่วง 1 อาทิตย์ ไม่ควร มีน้ำใสๆไหลจากจมูกไปจนถึงมีเลือดไหล หรืออยู่ดีๆจมูกที่ยุบบวมแล้วกลับมาบวมใหม่ แสดงว่าต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอนให้รีบมาพบแพทย์ค่ะ
กรณีที่เกิดการทะลุ ในรูจมูก วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือการถอดพักซิลิโคน แล้วรอเสริมใหม่ในช่วง 3 เดือนเป็นต้นไป ไม่แนะนำให้ทำการเย็บซ่อมแผลเพราะ ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่ติดกัน ถ้าหากแผลติดกัน ในระยะยาวพบว่ามีโอกาสที่จะเกิดจมูกอักเสบในภายหลังได้ ถ้าทิ้งแผลที่ทะลุไว้นานมักจะทำให้เสียเนื้อที่ดีไป ในอนาคตจะทำให้การเสริมใหม่ให้ได้ทรงที่สวยเหมือนเดิมจะทำได้ยากขึ้น
มีปัญหาเกี่ยวกับการเสริมจมูก สามารถทักมาสอบถามกับคุณหมอปี ได้ทางช่องทางต่อไปนี้เลยค่ะ