หลุมสิวมีกี่ชนิด เลเซอร์ดีไหม และวิธีรักษาแบบไหนที่ดีที่สุด

หลุมสิวเราแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลักๆค่ะ ตามลักษณะของหลุมสิวดังนี้ค่ะ

ปัจจุบันการรักษาแผลเป็น หลุมสิว และแผลเป็นนูน จะรักษาแตกต่างกันนะคะ ก่อนอื่นหมอปีขอพูดถึงการรักษาในส่วนของหลุมสิวก่อนนะคะ

คงต้องบอกก่อนว่าการรักษาหลุมสิวไม่ว่าจะเป็นชนิดไหนก็จำเป็นต้องทำติดต่อกันหลายครั้งค่ะ แต่ในแต่ละครั้งที่ทำการรักษาจะดีขึ้นเรื่อยๆ วันนี้หมอจะมาบอกวิธีการรักษาและขั้นตอนในการดูแลตนเองหลังการรักษามาฝากค่ะ

หลุมสิวเกิดภายหลังจากการเป็นสิวดังนั้นก่อนตัดสินใจรักษาหลุมสิวหมอขอแนะนำให้รักษาสิวให้หายหรือบรรเทาลงก่อนนะคะ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นวนไปวนมา สิวขึ้นใหม่ก็ทำให้เกิดหลุมสิวใหม่ได้อีก ดังนั้นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการรักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด คือการป้องกันการเกิดหลุมสิวใหม่หรือป้องกันการเกิดสิวใหม่ด้วยนะคะ

ส่วนการรักษาหลุมสิวมีหลายวิธีเลยค่ะ

1. รักษาหลุมสิวด้วยการทาครีมบำรุง

การรักษาผิวให้อยู่ในสมดุลผิวมีความชุ่มชื้นไม่แห้งจนเกินไปและไม่มันจนเกินไปจะช่วยให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวดำเนินไปได้ตามปกติจะช่วยให้หลุมสิวดูจางลงได้บ้าง แต่อาจจะยังไม่สามารถหายเนียนได้ตามปกติค่ะ แนะนำว่าอาจต้องดูแลผิวควบคู่ไปกับการรักษาหลุมสิวด้วยวิธีอื่นค่ะ

Tip จากหมอปี : หากพิจารณาครีมที่ช่วยในเรื่องของหลุมสิวได้นอกจากเรื่องความชุ่มชื้นแล้ว แนะนำเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Retinol หรือกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นได้แต่ต้องทาตอนกลางคืนอย่างเดียวนะคะ ทาตอนกลางวันเจ้าอนุพันธ์ตัวนี้จะไวต่อแดด สลายหมด ดังนั้นทาเฉพาะก่อนนอนพอค่ะ รวมถึงค่อยๆปรับยาเพิ่มขึ้นนะคะ ทาทุกวันตั้งแต่แรก เดี๋ยวหน้ารับไม่ได้จะแดงแสบและลอกได้ค่ะ อาจจะเริ่มจาก 2 วันครั้งก็ได้ค่ะค่อยๆเพิ่มไป วิธีนี้จะช่วยลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาตัวนี้ได้ค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมทาครีมกันแดดนะคะ ใช้ยาตัวนี้หน้าจะไวต่อแดดค่ะ เดี๋ยวหลุมสิวตื้นขึ้นแต่ฝ้าถามหาจะแย่ได้ค่า

2. รักษาหลุมสิว ด้วยการทายาผลัดเซลล์ผิว

ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ TCA หรือ Trichloroacetic Acid หรือบางครั้งเราจะเรียกว่าการแต้มกรด เป็นการรักษาหลุมสิวแบบเก่าค่ะคุณหมอจะใช้ไม้จิ้มฟันแต้มยาแล้วนำมาแต้มที่หลุมสิวของเรา เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดเป็นสะเก็ดบางๆ ผิวจะถูกกระตุ้นให้การสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น

Tip จากหมอปี : ปัจจุบันการแต้มกรดได้รับความนิยมน้อยลงแม้การรักษาจะราคาย่อมเยาว์ เพราะ การแต้มกรดนั้นไม่สามารถควบคุมการกระจายตัวของยาได้อย่างแม่นยำ ถ้ายาซึมลึกเกินไปก็กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ไม่ดีเกินเป็นแผลใหม่ และหลุมสิวขนาดเล็กเช่น Ice pick ตอบสนองไม่ดีกับการรักษาแบบนี้ ทำให้ได้รับความนิยมลดลงมาก

3. รักษาหลุมสิว ด้วยการใช้เข็ม หรือที่สมัยก่อนเรียกกันว่า Dermaroller

ลูกกลิ้งที่มีเข็มเล็กๆติดอยู่ สมัยก่อนได้รับความนิยมมาก แต่ปัจจุบัน อย.ไทย ไม่อนุญาตให้ใช้แล้วนะคะ จะเหลือเพียงเครื่องสัก ที่นำมาประยุกต์ใช้แทน Dermaroller วิธีนี้ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้จากการที่เข็มเล็กๆลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว แต่มีข้อเสียคือเราไม่สามารถควบคุมความลึกของเข็มที่ลงไปในผิวเราได้ค่ะ การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนนั้นเข็มต้องกระตุ้นที่ชั้นหนังแท้ ปกติแล้วที่ใบหน้าเราชั้นหนังแท้นั้นอยู่ตื้นมากค่ะ การใช้เข็มกระตุ้นเลยอาจจะจิ้มเลยชั้นนี้ออกไปได้ ผลในการทำแต่ละครั้งจึงมีความแตกต่างกันมาก และยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อตามมามากกว่าการใช้เลเซอร์ในการรักษาหลุมสิวค่ะ ปัจจุบันจึงได้รับความนิยมน้อยลง

4. รักษาหลุมสิว ด้วยการฉีด Filler

ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็ม Hyalulonic acid มีการนำมาใช้ในการรักษาหลุมสิว ซึ่งฟิลเลอร์จะสลายไปตามอายุของฟิลเลอร์ โดยปกติแล้วจะรักษาได้ดีในหลุมสิวแบบ Rolling เพราะสามารถทำ Subcision ตัดพังพืดข้างใต้ก่อนแล้วฉีดฟิลเลอร์เพื่อป้องกันการสร้างพังผืดกลับมารั้งใต้แผลอีก

5. รักษาหลุมสิว ด้วยเลเซอร์ CO2

การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์นี่ถ้าจะให้เล่าแล้วยาวมากเลยค่ะ แรกเริ่มเดิมทีมีคุณหมอทดลองโดยการใช้ Laser CO2 ยิงทั่วหน้าเลยค่ะ เรียกได้ว่าลอกหน้าใหม่เลยถ้ารุ่นเดิมๆเค้าจะเรียกวิธีนี้ว่าการทำ Baby face ค่ะซึ่งแม้หลุมสิวจะหายเนียนดี แต่มีปัญหาเรื่องของรอยดำหลังเลเซอร์ รอยแผลเป็น Keloid ตามมาได้ พูดได้ว่าใครโชคดีก็ผิวเนียนเลยค่ะ ใครโชคร้ายก็แก้ไขแทบไม่ได้เลย ปัจจุบันเลยเลิกใช้วิธีแล้วและพัฒนาเลเซอร์ต่อมาเรื่อยๆจนเกิดเป็น Fractional Laser ขึ้นค่ะ

เจ้า Fractional laser หลักการคือการยิงเลเซอร์เป็นจุดเล็กๆ สลับจุดที่ไม่ยิงเลเซอร์ ทำให้ผิวที่ไม่ได้รับพลังเลเซอร์นั้นถูกกระตุ้นด้วยความร้อนจากเลเซอร์ เซลล์ต่างๆจึงออกมาซ่อมแซมบริเวณที่ถูกยิงเลเซอร์ไป ข้อดีของเลเซอร์คือเราสามารถกำหนดความลึกที่ เลเซอร์จะยิงลงไปได้ ทำให้ทุก Shot ทุกจุดที่ยิงลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้แน่นอน

ในยุคแรกๆที่มีการพัฒนา Fractional laser ขึ้นมาก็จะเป็น Laser Fractional Co2 หรือ Fractional Erbium นั่นเองค่ะ สองตัวนี้จะมีความแตกต่างที่คุณสมบัติของเลเซอร์แต่ละตัวค่ะ โดยรวมๆแล้วก็เน้นรักษาในเรื่องของหลุมสิวริ้วรอยเล็กๆเป็นหลักค่ะ ปัจจุบันก็มีการพัฒนาหลากหลายรุ่นเลยค่ะ

ที่ Estique Clinic เราใช้เลเซอร์ Fractora ในการรักษาหลุมสิวเป็นหลักควบคู่กับการใช้ Skin Extraction เข้ามาเพิ่มผลการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในการทำเลเซอร์แต่ละครั้งค่ะ เราจึงเรียกบริการนี้ว่า Fractora Plus หลายคนคงเบื่อที่จะหาเวลาพักหน้าจากการยิงเลเซอร์รักษาหลุมสิวใช่มั้ยคะ ไหนจะหน้าบวมไหนจะรอยแดง แล้วก็สะเก็ดอีก Skin Extraction จะเป็นทั้ง เกล็ดเลือดและ Growth factor ที่ช่วยในการรักษาหลุมสิวและลดผลข้างเคียงจากการยิงเลเซอร์ค่ะ จึงนับว่าเป็นการรักษาที่มีการพัฒนาดีที่สุดที่หมออยากแนะนำค่ะ

สรุป

การที่เราจะ รักษาหลุมสิวให้ประสบความสำเร็จนั้นสิ่งแรกเลยที่คนไข้ทุกคนควรจะรักษาสิวให้หายก่อน เพื่อลดวงจรการเกิดหลุมสิวใหม่ และเมื่อเกิดสิวใหม่ ไม่ควรแกะ หรือบีบสิวที่เป็น การที่เราลดการเกิดสิวทำให้เราต้องรักษาเพียงหลุมสิวเดิมที่มีอยู่

โดยส่วนใหญ่แล้วการรักษาหลุมสิวยังจำเป็นต้องใช้ การรักษาหลายครั้ง เครื่องมือต่างๆที่หมอพูดไปข้างต้น สามารถรักษาหลุมสิวได้ แต่มีข้อจำกัดในการที่ต้องอาศัยความถี่ที่แตกต่างกันไป ถ้าใช้เข็มก็อาจจะกระตุ้นได้น้อยกว่า เลเซอร์เพราะได้ทั้งการกระตุ้นจากเลเซอร์และความร้อน

อย่าง Fractora มีทั้งการใช้เข็มด้วยและใช้เลเซอร์ด้วย รวมถึงคลื่นความถี่วิทยุ เข้าไปช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ทำให้หลุมสิวเต็มขึ้นมา จึงเป็นเลเซอร์ที่ดีที่สุดในการรักษาสิวในปัจจุบัน

อีกส่วนที่สำคัญคือการดูแลรักษาหลังจากทำเลเซอร์ไปก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญมาก
หมอเลือกใช้ PRP เข้ามาช่วยให้การดูแลหลังเลเซอร์ง่ายขึ้น และทำให้การรักษาหลุมสิวได้ผลดีที่สุดในแต่ละครั้งที่ทำ
นี่คือเหตุผลที่หมอเลือกใช้ Fractora plus ในการรักษาหลุมสิวให้กับคนไข้ค่ะ