จมูกบุ๋ม แก้ยังไงดี

จมูกบุ๋ม เป็นปัญหาที่ไม่มีใครอยากให้เกิดเพราะจมูกเป็นจุดกึ่งกลางของใบหน้า ทำให้เสียบุคลิกภาพ หมอจะมาเล่าถึงวิธีการแก้ไขปัญหาเคสที่จมูกผิดรูปจากการที่พังพืดหดรั้งกันค่ะใครที่มีปัญหานี้อยู่ หมออยากให้กำลังใจนะคะ สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้แต่จะต้องอาศัยเวลาในการดูแลนิดนึงค่ะ

จมูกบุ๋ม เกิดจากอะไร

เกิดจากถอดซิลิโคนออก

จมูกบุ๋มโดยทั่วไปแล้วมักเกิดตามหลังจากการที่คนไข้เสริมจมูกมาก่อน แล้วถอดซิลิโคนออก โดยที่ไม่ ได้เสริมซิลิโคนใหม่ รวมไปถึงซิลิโคนเก่าที่เอาออกนั้นมีขนาดใหญ่ยืดเนื้อปลายจมูกค่อนข้างมาก

ทำให้เมื่อเอา ซิลิโคนออกแล้วเกิดช่องว่างภายในระหว่างผิวหนังกับภายในจมูกที่เคยมีซิลิโคนอยู่เดิม หลังจากการเอาซิลิโคนออกแล้วร่างกายจะสร้างพังพืดขึ้นมาเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวและหดรั้งทำให้เกิดการบุ๋มนั่นเอง

ดังนั้นการถอดซิลิโคนออกโดยไม่ได้เสริมใหม่มีโอกาสเกิดจมูกบุ๋มได้

เกิดจากซิลิโคนทะลุ

นอกเหนือจากการเอาซิลิโคนออกแล้วทำให้เกิดจมูกบุ๋มได้แล้วนั้นยังมีอีกสาเหตุนึงคือ การที่ซิลิโคนที่ เสริมจมูกทะลุออกมา ในกรณีนี้จะทำให้เกิดจมูกบุ๋มแบบรุนแรงกว่าในกรณีแรก เนื่องจากเวลาที่จมูกทะลุนั้นผิว หนังด้านนอกจะเสียหายไปด้วย ทำให้หลังการรักษาจมูกทะลุนั้นจะเกิดจมูกบุ๋มรุนแรงได้การแก้ไขจะทำได้ยากกว่าในเคสที่เอาซิลิโคนออกแล้วบุ๋ม


จมูกบุ๋ม เกิดที่ตำแหน่งใดได้บ้าง

จมูกบุ๋มเกิดได้ทุกบริเวณ ตั้งแต่ สันจมูกบุ๋ม ปลายจมูกบุ๋ม ไปจนถึงบุ๋มในรูจมูก ซึ่งการบุ๋มในรูจมูกนั้น จะทำให้เกิดปัญหาลามไปจนถึงรูจมูกไม่เท่ากัน บางครั้งอาจทำให้ปลายจมูกเอียงร่วมด้วยได้เนื่องจากพังพืดที่ หดรั้งอย่างรุนแรงดึงทั้งรูจมูกและปลายจมูกให้เบี้ยวเอียงไปด้วยกัน

วิธีการแก้จมูกบุ๋มนั้นมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับความรุนแรงของจมูกบุ๋มหมอจะแบ่งความรุนแรงของจมูกบุ๋ม ซึ่งแบ่งได้ 3 ระดับดังนี้

ความรุนแรงของจมูกบุ๋ม

1. บุ๋มเป็นจุดอยู่ที่ปลายจมูก

เวลามองด้านข้างปลายจมูกยังไม่ตัด ในกรณีสามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง เบื้องต้นคือ การนวดบริเวณปลายจมูกที่บุ๋ม ซึ่งปกติแล้วคนไข้ที่จมูกบุ๋มนั้นจะไม่มีซิลิโคนอยู่แล้ว ดังนั้นจึง สามารถนวดได้เต็มที่

เทคนิคการนวดจมูกแก้จมูกบุ๋มที่ถูกต้องคือ นวดให้พังพืดข้างใต้ลดการรั้งลงไป โดยเวลานวดคนไข้ จะรู้สึกจี๊ดๆ เจ็บๆที่บริเวณที่นวดค่ะ (ถ้าไม่จี๊ดไม่เจ็บแสดงว่าพังพืดยังไม่หลุดออกค่ะ ให้เปลี่ยนทิศทางในการ นวด)

ทั้งนี้หลังการนวดที่ถูกต้องส่วนใหญ่แล้วการบุ๋มของปลายจมูกจะดีขึ้นแทบจะทันทีหลังการนวดค่ะ ลอง ทำตามจากในวิดีโอเบื้องต้นนะคะ

ถ้าทำแล้วไม่เห็นผล อาจเกิดจากนวดผิดวิธีหรือจมูกบุ๋มรุนแรงแบบไม่ สามารถแก้ได้โดยการนวด ในกรณีนี้แนะนำให้มาพบหมอนะคะจะได้ตรวจดูให้แน่ชัดกันอีกทีค่ะ

สำหรับการผ่าตัดเสริมจมูกแก้ไขในกรณีนี้เวลาเสริมใหม่ด้วยซิลิโคน ธรรมดาหรือการใช้กระดูกอ่อน หลังใบหูช่วยเสริมปลายก็จะสามารถแก้ไขได้ง่ายกว่าแบบอื่นค่ะ ดังนั้นใครที่มีจมูกบุ๋มแบบแรกอยู่นั้นคงจะ สบายใจขึ้นได้นะคะ ถ้านวดแล้วไม่ดีขึ้นเสริมใหม่ช่วยได้ค่ะ ยังเป็นงานง่ายสำหรับคุณหมอค่ะ

2. จมูกบุ๋มที่คล้ายกับแอ่งกระทะ

จมูกบุ๋มแบบนี้พังพืดที่หดรั้งจะมีมากกว่าแบบแรกเวลามองด้านข้าง อาจจะพบว่าปลายจมูกตัดปลายไม่พุ่งเหมือนก่อน โดยส่วนใหญ่แล้วการนวดจมูกจะช่วยให้ปลายกลับมาได้ ในระดับนึง เวลามองหน้าตรงอาจจะกลับมาดูปกติได้แต่เวลามองด้านข้างนั้น profile ด้านข้างจะดรอปลงค่ะ

การแก้ไขในกรณีนี้ด้วยวิธีการผ่าตัด ยังแนะนำเป็นการแก้ไขโดยการนวดจมูกอย่างถูกต้องก่อนมาพบ แพทย์และ ผ่าตัดเสริมจมูกโดยใช้ซิลิโคน หรือใช้กระดูกอ่อนหลังหูช่วยเพิ่มปลายจมูกให้ดูมีมิติมากขึ้นได้เช่น เดียวกันกับจมูกบุ๋มวิธีแรกค่ะ

3. จมูกบุ๋มรุนแรง

มีขอบรอยบุ๋มชัดเจน จมูกบุ๋มแบบนี้เบื้องต้นมักเกิดจากการที่ซิลิโคนทะลุมาก่อนหรือ เคยมีการอักเสบรุนแรงที่จมูกจนทำให้เนื้อปลายจมูกบริเวณหนึ่งบางกว่าอีกบริเวณนึงมาก ทำให้เวลาพังพืด หดรั้งแล้วเกิดขอบที่ชัดเจน ไม่เป็นแอ่งกระทะแบบที่ 2 ซึ่ง จมูกบุ๋มแบบนี้จำเป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษในการ ผ่าตัดแก้ไขมากกว่าจมูกบุ๋มแบบที่ 1 หรือ 2

การแก้ไขโดยปกติแล้วก่อนการผ่าตัดจะให้คนไข้นวดจมูก เช่นเดียวกันค่ะ แต่แนวการนวดจะแตกต่าง กันในแต่ละเคสกรณีหมอจะเป็นคนออกแบบวิธีการนวดจมูกให้คนไข้ต่างหากค่ะ เพื่อช่วยบรรเทาอาการบุ๋มรุน แรง เมื่อเนื้อเยื่อพังพืดนิ่มลงจะใช้การผ่าตัดแก้ไขอีกทีโดยการผ่าตัดแก้ไขมีหลายวิธีดังนี้ค่ะ

จมูกบุ๋ม แก้ยังไง

1.กรณีไม่ตัดแต่งผิวหนังบริเวณปลายจมูกใหม่

กรณีไม่ตัดแต่งผิวหนังบริเวณปลายจมูกใหม่ สำหรับเคสที่ไม่บุ๋มมากระดับ 1-2 อาจจะเน้นผ่าตัดพังพืดใต้แผล สำหรับคนไข้มีเนื้อปลาย จมูกน้อยอยู่แล้ว อาจจะต้องทำใจก่อนว่าทรงจมูกเราอาจจะไม่ได้ความพุ่งเท่ากับเคสอื่นๆนะคะ

เพราะยังไงสิ่ง สำคัญของการเสริมจมูกจะสวยไม่สวย เกี่ยวข้องกับปริมาณเนื้อและความยืดหยุ่นของผิวของแต่ละคนด้วยค่ะ ดังนั้นไม่สามารถตัดแต่งผิวหนังปลายจมูกได้ หมอจะใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู เนื้อเยื่อเทียมหรืออาจจะใช้ไขมัน ในการเสริมจมูกทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนไข้ร่วมกันกับหมอด้วยค่ะ

2.กรณีตัดแต่งผิวหนังบริเวณบุ๋มด้านนอกใหม่

ในกรณีที่บุ๋มเป็นขอบลึกมากๆและผิวหนังบริเวณปลาย จมูกมีเนื้อพอประมาณ อาจทำการเสริมจมูกไปด้วยพร้อมกันในครั้งเดียวเลย หรืออาจจะนัดเสริมจมูกภายหลัง จากแผลตัดแต่งผิวหนังดีขึ้นแล้ว โดยวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกควรเป็นไขมันของคนไข้เองในกรณีที่เสริมใน ครั้งเดียวกัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

หากเป็นการนัดเสริมจมูกภายหลังอาจใช้เป็นการเสริมด้วยซิลิโคนหรือไขมันตัวเองหรือใช้กระดูกอ่อนหลังหูช่วยก็ได้ค่ะ

หากใช้เป็นไขมันตัวเองจำเป็นจะต้องใช้การผ่าตัด แบบ Open teachnique

เดี๋ยวจะงงกันไป ถ้าเป็นเคสยากแบบนี้ขอให้เป็นหมอเป็นคนเลือกวิธีการรักษาให้คน ไข้หรือว่ามาปรึกษาตรวจเจอตัวกันจะดีกว่าค่ะ แต่ถ้าอยากรู้ว่าเทคนิคการเสริมจมูกแต่ละอันเป็นยังไง หมอ จะแยกเป็นบทความแบบละเอียดอีกทีนะคะ

3.กรณีที่บุ๋มจากการที่จมูกทะลุมาก่อน หรือเนื้อน้อยมากๆ

ไม่ว่าจะเป็นบริเวณสันจมูกหรือปลายจมูกอาจ จะพิจารณาใช้ เนื้อเยื่อของคนไข้ในการใช้เสริมจมูกเป็นหลัก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และลดความ เสี่ยงต่อการทะลุจากวัสดุอื่นๆ

เทคนิคการผ่าตัดเพื่อแก้จมูกบุ๋ม

1. แก้ไขจมูกบุ๋มด้วยการเสริมซิลิโคนธรรมดา

การแก้ไขจมูกบุ๋มด้วยการเสริมซิลิโคนธรรมดา การเสริมซิลิโคนธรรมดาเหมาะกับเคสที่ปลายบุ๋มไม่มากในระดับ ที่ 1หรือ 2 ไม่เหมาะกับเคสที่มีการบุ๋มรุนแรง

2. แก้ไขจมูกบุ๋มด้วยการใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู

การแก้ไขจมูกบุ๋มด้วยการใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู เหมาะสำหรับเคสที่บุ๋มแบบแอ่งกระทะหรือแบบที่ 2 เนื่องจาก ตัวกระดูกอ่อนหลังใบหูสามารถยืดเนื้อปลายจมูกได้ในระดับนึงและโค้งรับช่วยดันบริเวณที่บุ๋มได้ดี

กระดูกอ่อนหลังใบหู

3. แก้ไขจมูกบุ๋มด้วยการใช้ไขมันของตัวเอง หรือฉีดไขมันแก้จมูกบุ๋ม

การแก้ไขจมูกบุ๋มด้วยการใช้ไขมันของตัวเอง หรือฉีดไขมันแก้จมูกบุ๋ม การนำไขมันมาใช้เสริมจมูกนั้น มีด้วยกัน หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบดูดมาฉีดหรือการตัดไขมันมาเป็นก้อนเพื่อนำมาเสริมแทนแท่งซิลิโคน สำหรับเคส บุ๋มแนะนำเป็นการใช้ไขมันแบบก้อนซึ่งจะผ่าตัดย้ายมาจากบริเวณก้น เนื่องจางไขมันแบบก้อนอัตราการติดสูงกว่าแบบฉีด ได้ผลเป็นทรงดีกว่าการใช้ไขมันแบบฉีด แต่งทรงได้ดีกว่า ลดความเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อได้ใน ระดับนึง เหมาะกับเคสที่มีความเสี่ยงจมูกทะลุมากๆหรือเนื้อน้อยมากๆนั่นเอง และไม่แนะนำให้ใช้ฟิลเลอร์ฉีดจมูก เพื่อแก้ไขจมูกบุ๋ม

เนื้อเยื่อไขมัน

เนื้อเยื่อไขมันแบบก้อน จะติดดีกว่าการฉีดไขมัน

4. แก้ไขจมูกบุ๋มด้วยการโดยใช้วัสดุอื่นๆ

เนื้อเยื่อเทียม

4.1เนื้อเยื่อเทียม

ใช้ทดแทนกระดูกอ่อนหลังใบหู ในกรณีนี้มักใช้ในคนไข้ที่ไม่สะดวกใช้กระดูกอ่อน หลังใบหูเนื่องจากใบหูมีขนาดเล็ก หรือเคยใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูไปแล้ว ข้อเสียคือมีราคาสูงและอาจเกิดการ แพ้ได้ในบางรายทำให้ต้องเอาซิลิโคนออกได้ แนบรูปเนื้อเยื่อเทียม

Osteopore แบบ Tip ball

4.2 Osteopore

เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่สลายได้โดยที่ร่างกายจะสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาแทนที่ เดิมทีใช้ใน การทำกะโหลดศีรษะเทียม ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลถึงอันตรายเพราะใช้ในวงการแพทย์มานานแล้วแต่มีการดัด แปลงรูปทรงให้เหมาะกับการใช้เสริมจมูก แต่ยังถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ในวงการศัลยกรรมค่ะ ปัจจุบันมีเป็น แบบ tip ball เป็นลูกกลมๆขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7mm ช่วยเสริมหรือดันปลายได้ดีกว่ากระดู กอ่อนหลังใบหู และแบบแผ่น กว้างขนาด 0.7-1.0 cm ยาวประมาณ 1-1.5 cm แนบรูปTip ball แม้ว่าจะมี ราคาสูงแต่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากช่วยเพิ่มเนื้อเยื่อปลายจมูกได้ อาจพิจารณาเสริมจมูกต่อในภายหลังหลังจากที่ Tipball หรือ Osteopore สลายไปหมดแล้วเป็นเนื้อเยื่อของคนไข้เองทั้งหมดได้ โดยปกติ แล้วใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ถึงสลายไปหมดพร้อมกับที่ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาแทนที่


คำถามที่พบบ่อย สำหรับเคสจมูกบุ๋ม

Q: จมูกบุ๋มไก้ไขได้หรือไม่ แก้ได้อย่างไร
A: แก้ไขได้ค่ะ แต่ความสวยงามนั้นขึ้นกับความรุนแรงของความบุ๋มของตัวจมูกค่ะ

Q: ฉีดไขมันแก้จมูกบุ๋ม ดีจริงมั้ย แก้จมูกบุ๋มได้จริงหรือเปล่า
A: ในหัวข้อนี้จากเทคนิคการผ่าตัดของหมอเองนะคะจะเน้นเป็นการใช้ไขมันแบบก้อนคือผ่าตัดจากบริ เวณก้น มาใส่เสริมให้แทนการฉีดไขมันเนื่องจาก การผ่าตัดไขมันมาเป็นก้อนนั้นไขมันมีอัตราการรอดชีวิตมา กกว่าการฉีดไขมัน แผลผ่าตัดที่บริเวณก้นจะซ่อนไว้ในบริเวณร่องก้น ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็นค่ะ

นอกจากนี้ยังสามารถกะปริมาณไขมันที่จะรอดได้ทำให้ได้ทรงจมูกที่ดีกว่าการฉีดไขมันโดยส่วนใหญ่แล้วการใช้ ไขมันแบบก้อนจะยุบลงประมาณ 30% นอกจากนี้ยังมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าการใช้วัสดุอื่นในการเสริมจมูก

เนื่องจากก้อนไขมันมีเสต็มเซลล์ช่วยให้แผลหลายเร็วขึ้นค่ะ ส่วนใครที่กังวลแผลที่ก้นนะคะ หมอเย็บเป็นไหมละ ลาย สามารถขับถ่ายได้ตามปกติค่ะ ยังอยู่ไกลจากบริเวณที่ใช้ขับถ่ายอุจจาระค่ะ

ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการ ดูแลรักษาแผลบริเวณก้นค่ะ ง่ายแล้วก็ไม่เจ็บอย่างที่คิดค่ะ หมอคอนเฟริม(ปล.ไม่ต้องอายนะคะ หมอเห็นมาเยอะแล้วจำไม่หวาดไม่ไหวค่ะ หรือถ้ากังวลเรื่องก้นดำ หมอใช้ส่วนที่เป็นไขมัน ค่ะ ส่วนผิวหนังเราไม่ได้ใช้ดังนั้นจมูกจะไม่ดำขึ้นนะคะ

สำหรับการฉีดไขมันจะแนะนำในกรณีที่คนไข้ไม่ต้องการให้เกิดแผลบริเวณอื่นค่ะ แต่การป้องกันการบุ๋ม หรือ การแก้ปัญหาการบุ๋มจะทำได้ไม่ดีเท่ากับการใช้ไขมันแบบก้อนนะคะเพราะ การฉีดไขมันแม้จะไม่มีรอยแผลเป็น แบบการใช้ไขมันแบบก้อนก็ตาม แต่ไขมันมักตายไปบางส่วนจากเทคนิคการดูดไขมัน การฉีดและการถูกดึงรั้ง จากพังพืดทำให้ไขมันตายเพิ่มได้อีกค่ะ ดังนั้นจึงยังแนะนำใช้เป็นไขมันก้อนดีกว่าค่ะ

ยิ่งถ้าเปิดแผลเพื่อเอาซิลิโคนออกแล้วย้ายไขมันก้อนเล็กๆมาใส่ที่ปลายจมูก ย้ายจากหน้าท้องก็ได้ค่ะแผลเล็กๆ ป้องกันได้ดีกว่าการฉีด ค่ะแล้วก็ไม่ได้เจ็บกว่าด้วยค่ะ เพราะทั้งสองแบบ เจ็บนิดนึงตรงขั้นตอนเดียวคือขั้นตอนการฉีดยาชาค่ะ

รีวิวเคสแก้จมูกบุ๋ม

เคสที่ 1 มีปัญหาซิลิโคนทะลุในรูจมูกหลังจากออกซิลิโคนจมูกเอียงไปข้างซ้าย และมีรอยบุ๋ม

เคสตัวอย่างจมูกบุ๋มแบบที่มีพังพืดรั้งไปที่รูจมูกด้วยเนื่องจากคนไข้มีสิริโคนทะลุในรูจมูกเป็นเวลานานไม่ได้เอาออกพอเอาออกก็ไม่ได้นวดจมูกรวมทั้งเป็นคนที่มีแผลเป็นง่ายทำให้การบุ๋มค่อนข้างหนัก

หมอจึงได้ทำการแก้ไขโดยการใช้ open technique แก้ไขกระดูกอ่อนภายในจมูกพร้อมเสริมจมูกด้วยซิลิโคนและกระดูกอ่อนหลังหูในคราวเดียวกัน

หลังทำจะเห็นได้ว่าการเบี้ยวของรูจมูกดีขึ้น และปลายไม่บุ๋มแล้ว

เคสที่ 2 หลังจากการถอดซิลิโคนออกเพราะจมูกใกล้จะทะลุมีปัญหาปลายบุ๋มและปลายจมูกตัดเชิด

จมูกบุ๋ม

ก่อนการแก้ไข หน้าตรงมีปัญหาปลายบุ๋ม ด้านข้างปลายจมูกตัดเชิด เคสนี้หมอให้คนไข้นวดจมูกและเสริมใหม่ด้วย Close technique และใส่กระดูกอ่อนหลังใบหูรองปลาย

หลังแก้จมูกบุ๋ม

หลังการผ่าตัดที่ 3 เดือน ปลายจมูกไม่มีปัญหาเรื่องบุ๋มแล้ว
และปลายจมูกไม่เชิดตัดเหมือนอย่างตอนแรก

เคสนี้มาพบหมอครั้งแรกด้วยสิริโคนทะลุที่ปลายจมูก เคสนี้โชคดีที่เนื้อจมูกเยอะ หมอจึงวางแผนการผ่าตัดออกเป็นสองครั้ง

แก้ไขเรื่องปลายที่ทะลุโดยการแต่งแผลเอาสิริโคนออกให้คนไข้พักจมูกประมาณ 3 เดือน ติดตามอาการดูเรื่องแผลที่ตกแต่งไป และเสริมจมูกอีกครั้งเมื่อผ่านไป 6 เดือน

หลังแผลที่ตกแต่งหายดีแล้ว โดยระหว่างนั้นให้คนไข้นวดจมูกอย่างถูกวิธี ทำให้เมื่อเสริมครั้งใหม่มองไม่เห็นแผลที่เกิดการทะลุครั้งที่แล้วเลย

ก่อนและหลังแก้จมูกทะลุ

ก่อนหลัง แก้จมูกทะลุ

ภาพหน้าตรงและด้านข้างเปรียบเทียบก่อนและหลังการแก้ไขปัญหาซิลิโคนทะลุปลายจมูก จะเห็นได้ว่าเมื่อแก้ไขได้อย่างถูกต้องจะมองไม่เห็นรอยแผลเป็นที่ซิลิโคนทะลุในตอนแรก

เคสที่ 4 เคสจมูกทะลุจมูกผิดรูปบริเวณปลายจมูก เคสนี้อยากให้ดูว่าการนวดจมูกสามารถทำให้จมูกกลับสู่รูปทรงที่ดีขึ้นได้แต่ต้องนวดอย่างถูกต้อง คนไข้กำลังจะผ่าตัดเสริมจมูกด้วยซิลิโคนอีกครั้ง

แก้จมูกบุ๋ม

ภาพก่อนผ่าตัดและหลังการนวดจมูกที่ 2 เดือน และหลังผ่าตัดตกแต่งแผลทันที

ภาพก่อนผ่าตัด หลังผ่าตัดตกแต่งแผล 7 วัน และ 1 เดือน

ภาพก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัดตกแต่งแผลที่ 1,2 เดือน

สรุป

คนไข้ที่กำลังคิดว่าจะถอดซิลิโคนออก หรือมีปัญหาว่าจมูกบางใกล้ทะลุควรคำนึงถึงหลังจากการถอดซิลิโคนออกว่าจะเกิดการบุ๋มหรือการผิดรูปหรือไม่ ถ้าใส่ซิลิโคนแท่งใหญ่มาก ยิ่งมีโอกาสมาก

กรณีจมูกใกล้ทะลุและบางมาก การแก้ไขที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันการผิดรูปและเสียโฉมได้ เช่น การนวดจมูกที่ถูกต้องหรือ การเปลี่ยนจากซิลิโคนเป็นไขมันเพื่อพยุงเนื้อเยื่อไว้

การนวดจมูกที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันการเกิดจมูกบุ๋มได้ กรณีที่จมูกบุ๋มแล้วการนวดจมูกจะช่วยให้ปัญหาเบาลงได้

ถ้าจมูกบุ๋มแล้วนวดไม่ดีขึ้นแนวทางการแก้ไขจะแบ่งตามความรุนแรงของการบุ๋ม ถ้าบุ๋มมากในระดับที่ 3 ต้องผ่าตัดตกแต่งผิวหนังด้านนอกและนวดเพื่อให้รอยแผลเนียนไม่เห็นรอยแผลเป็น

จมูกบุ๋มผิดรูปสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ด้วยการผ่าตัดที่ถูกต้อง ใครที่ประสบปัญหานี้อยู่ สามารถทักเข้ามาสอบถามและนัดปรึกษาเพื่อแก้ไขกับหมอได้โดยตรงค่ะ